โดนกีดกันทุกทาง: แล้วทำไม สเตอร์ลิง ไม่ยอมย้ายหนีเชลซี ?

Maruak Tanniyom

โดนกีดกันทุกทาง: แล้วทำไม สเตอร์ลิง ไม่ยอมย้ายหนีเชลซี ? image

“สโมสรทำเหมือนเขาเป็นขยะ” กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ กล่าวถึง ราฮีม สเตอร์ลิง

อนาคตของ ราฮีม สเตอร์ลิง ปีกตัวจี๊ดของเชลซี ดูจะมืดมนไปทุกขณะ เพราะนอกจากจะไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของ เอนโซ มาเรสกา แล้ว เขายังถูกแยกซ้อม แยกห้องแต่งตัว และรับประทานอาหารแยกกับเพื่อนร่วมทีม 

แทบไม่น่าเชื่อว่านี่คือชะตากรรมของหนึ่งในอดีตแข้งบิ๊กเนมที่เคยพาอังกฤษเข้าถึง
รอบชิงชนะเลิศยูโร 2020 และเคยคว้าแชมป์มาไม่ต่ำกว่า 10 รายการ รวมถึงเป็นเจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีพรีเมียร์ลีก  

อย่างไรก็ดี เพราะเหตุใดเขาถึงไม่ย้ายหนีจากเชลซี แม้ถูกปฏิบัติขนาดนี้? ติดตามเรื่องราวไปพร้อมกัน 

แข้งส่วนเกิน 

เส้นทางชีวิตนักเตะอาชีพของ ราฮีม สเตอร์ลิง ดูจะดับแสงทันทีที่ตลาดนักเตะทั่วโลก รูดม่านปิดฉากลง เมื่อเขายังคงเป็นนักเตะของ เชลซี สโมสรที่ยืนยันว่าเขาไม่อยู่ในแผนการทำทีมของ เอนโซ มาเรสกา เป็นฤดูกาลที่ 2 ติตต่อกัน 

เพราะการไม่ถูกใช้งานในครั้งนี้ไม่ใช่แค่ไม่มีชื่อในการลงทะเบียนของพรีเมียร์ลีกเท่านั้น แต่เขาและผู้ร่วมชะตากรรมอย่าง แอกเซล ดิซาซี จะถูกแยกซ้อมจากทีมชุดใหญ่ ถูกแยกห้องแต่งตัว และไม่ได้รับประทานอาหารพร้อมกับเพื่อนร่วมทีม 

แม้ว่าการถูกแยกซ้อม จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในโลกลูกหนัง แต่การที่นักเตะที่เคยเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติอังกฤษ, เคยคว้าแชมป์มาไม่ต่ำกว่า 10 รายการ รวมถึงเป็นเจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีพรีเมียร์ลีก ถูกปฏิบัติเช่นนี้ไม่ได้พบเห็นบ่อยนัก

มันยิ่งเป็นประเด็น เมื่อ สเตอร์ลิง โพสต์อินสตาแกรมรูปสนามซ้อม พร้อมกับแคปชั่น 20:21 และ Training บอกเวลาที่เขาต้องมาซ้อมโดยลำพัง จนทำให้สมาคมนักเตะอาชีพ หรือ PFA ต้องเข้ามาคุยกับเชลซีอย่างจริงจัง

ทั้งนี้ แม้ว่าจะเป็นเรื่องดีที่ PFA เข้ามาดูแล แต่เชลซี ก็ยืนยันว่าพวกเขาดำเนินการอย่างถูกต้องในการดูแลนักเตะทุกประการ ซึ่งหมายความว่า สเตอร์ลิง และ ดิซาซี จะต้องเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ไปอย่างน้อยอีก 3 เดือน จนกว่าตลาดนักเตะหน้าหนาว จะเปิดทำการอีกครั้ง 

อันที่จริงในวงการฟุตบอล นักเตะแบบ สเตอร์ลิง จะมีชื่อเรียกกันว่า “Bom Squad” หรือนักเตะที่จะถูกโละ พวกเขาจะถูกกีดกันทุกอย่างในทีม หรือบางครั้งอาจถึงขั้นห้ามคุยกับแข้งทีมชุดใหญ่ 

“ผมเคยเห็นอะไรแบบนี้กับนักเตะ แอสตัน วิลลา มาก่อน” กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ กล่าวกับ talkSPORT เปรียบเทียบกับเคสของ สเตอร์ลิง

“ผมจำได้ ภายใต้การคุมทีมของ พอล แลมเบิร์ต มีกลุ่มนักเตะที่จะถูกโละ (bomb squad) ที่ต้องย้ายออกจากทีม และฝึกซ้อมกันเอง” 

“ผู้เล่นจะรู้สึกว่า ‘ฉันไม่สามารถคุยกับนักเตะกลุ่มนี้ได้ อย่าให้โดนจับได้ว่าคุยกับพวกเขา’ มันจะทำให้คุณรู้สึกตกต่ำมาก” 

“เมื่อสโมสรไม่ต้องการคุณ เขาจะทำเหมือนคุณเป็นขยะ พวกเขาจะให้คุณซ้อมเวลานี้ จะให้คุณนั่งอยู่ในห้องแต่งตัวเพียงลำพัง กันออกจากเพื่อนร่วมทีม” 

อย่างไรก็ดี ทั้งที่รู้ว่าจะถูกปฏิบัติเช่นนี้ สเตอร์ลิง ยอมทนได้อย่างไร ทำไมไม่ย้ายตั้งแต่ช่วงตลาดนักเตะหน้าร้อน? 

ใช่ว่าไม่มีโอกาส

อุปสรรคแรกที่ทำให้ สเตอร์ลิง ไม่ได้ย้ายออกจากเชลซีคือเรื่องค่าเหนื่อย อดีตแข้งทีมชาติอังกฤษ คือผู้เล่นที่ัรับค่าเหนื่อยสูงเป็นอันดับต้นๆของทีม ในระดับ 300,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ 

ทำให้ถึงจะมีทีมที่สนใจ แต่พวกเขาก็จ่ายค่าเหนื่อยให้ สเตอร์ลิง ไม่ไหว เพราะมันคือเม็ดเงินมหาศาล แม้ว่าเชลซี จะช่วยแบ่งเบายอมจ่ายให้ส่วนหนึ่งก็ตาม 

อันที่จริง ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทีมที่ยอมจ่ายค่าเหนื่อยในระดับนี้สนใจ แต่ สเตอร์ลิง ก็ต้องปฏิเสธไป โดยแหล่งข่าวที่ไม่ระบุตัวตนบอกกับ The Athletic เขาไม่อยากซ้ำรอยกับฤดูกาลที่แล้ว 

สเตอร์ลิง บอกว่าเขามีเวลาเพียง 48 ชั่วโมง ก่อนตัดสินใจย้ายไป อาร์เซนอล ทำให้เขาแทบไม่มีเวลาพูดคุยถึงแนวทางการทำทีมกับ มิเกล อาร์เตตา เฮดโค้ชของปืนใหญ่ จนสุดท้ายเขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงไปเพียงแค่ 13 เกมเท่านั้น 

นอกจากนี้ การย้ายถิ่นที่อยู่ ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ สเตอร์ลิง ปฏิเสธทีมนอกอังกฤษที่ยื่นข้อเสนอขอยืมตัวเขามา เนื่องจากเขาไม่อยากย้ายจากลอนดอน ที่ครอบครัวอาศัยอยู่ 

เพราะในช่วงใกล้ตลาดปิด บาเยิร์น มิวนิค คือหนึ่งในทีมที่ติดต่อเข้ามา จากการที่ แวงซองต์ คอมพานี กุนซือของทีม เคยเป็นอดีตเพื่อนร่วมทีมของ สเตอร์ลิง แต่สุดท้ายดีลก็ล่ม 

บวกกับการที่ สเตอร์ลิง ไม่ได้รู้สึกว่าจะได้การันตีเป็นตัวจริง แม้ว่าการย้ายไปอยู่กับ บาเยิร์น จะทำให้เขามีโอกาสลงเล่นในเกมระดับสูง และร่วมคว้าแชมป์กับทีมก็ตาม 

ทำให้ตอนนี้ อดีตแข้งทีมชาติอังกฤษต้องตกอยู่ในสภาวะชะงักงัน เขาอาจจะไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ เชลซี ก็มองว่าเขาไม่ยอมย้ายออกทั้งที่มีโอกาส จึงต้องเป็นนักเตะถูกดองเค็มในทีมอยู่ในขณะนี้ 

สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับ สเตอร์ลิง ด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้น และการต้องห่างไปจากการแข่งขันในระดับเข้มข้นอย่างน้อย 7 เดือน (กว่าที่ตลาดนักเตะหน้าหนาวจะเปิด) น่าจะทำให้ทีมที่สนใจน้อยลงไปอีก 

หรือถ้ามองไปที่ทางที่ง่ายที่สุดคือปล่อยให้หมดสัญญา ก็ต้องรอจนถึงปี 2027 ที่จนถึงตอนนั้น สเตอร์ลิง ก็อายุ 32 ปี หรือเลยจุดพีคไปมากแล้ว 

ทางที่ดูจะประนีประนอมที่สุด อาจจะเป็นการยกเลิกสัญญาทั้ง 2 ฝ่าย แต่ดูจะไม่มีใครยอมอย่างแน่นอน เมื่อเทียบจากจำนวนเงินที่ต้องสูญไป 

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ สเตอร์ลิง และ เชลซี ต้องอยู่ในภาวะ กลืนไม่เข้า คายไม่ออก ที่ไม่รู้ว่าจะอีกนานเท่าไร แต่ที่แน่ๆ ไม่ว่าจะฝ่ายไหน ก็ล้วนเจ็บหนักจากสถานการณ์นี้ด้วยกันทั้งนั้น

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

Maruak Tanniyom

ลีดส์ ยูไนเต็ด, ญี่ปุ่น, มังงะ