เรียกว่าเป็นฮีโรของทีมอย่างต่อเนื่อง สำหรับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี หลังกลายเป็นซูเปอร์ซับ ลงมาซัดประตูตีเสมอให้ อาร์เซนอล แบ่งแต้มกับ แมนฯ ซิตี้ ในเกมพรีเมียร์ลีก เมื่อคืนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ แม้ว่าเจ้าตัวจะเป็นหนึ่งในแข้งบราซิลที่มีฝีเท้าที่โดดเด่น แต่ต้นกำเนิดของเขาไม่ได้มาจากฟุตบอลข้างถนนเหมือนคนอื่น แต่คือฟุตซอล อีกหนึ่งในกีฬายอดนิยมของละตินอเมริกา
มันส่งผลต่อชีวิตเขาอย่างไร แต่ช่วยในการเล่นในพรีเมียร์ลีกมากน้อยแค่ไหน? ติดตามไปพร้อมกัน
สิงห์สนามปูน
หากพูดถึงบราซิล หลายคนอาจจะนึกถึงฟุตบอลข้างถนน ซึ่งเป็นสิ่งที่นักเตะชื่อดังหลายคนล้วนผ่านมา แต่อาจจะไม่ใช่สำหรับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี เพราะจุดเริ่มต้นของเขาคือสนามปูน
มันคือสนามปูนใกล้บ้าน ที่ มาร์ติเนลลี ใช้ฝึกฝนฟุตบอลตอนช่วงอายุ 3-6 ปี โดยมีพ่อ ชูเอา คาร์ลอส คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การยิง, ส่งบอล, โหม่ง ไปจนถึงการจับบอลจังหวะแรก
แต่เนื่องจากสนามแห่งนี้ มักจะมีชาวโบลิเวียอพยพ มาใช้ในช่วงเย็น ทำให้กว่าที่ มาร์ติเนลลี และพ่อ จะได้ใช้ต้องรอจนถึงห้าทุ่ม หรืออาจจะดึกกว่านั้น
เขาใช้เวลาเป็นร้อย ๆ ชั่วโมงไปกับการฝึกเรื่องพื้นฐาน รวมถึงฝึกยิงเท้าข้างไม่ถนัด เพราะพ่อของเขาเชื่อว่าหากอยากจะเล่นฟุตบอลอย่างจริงจัง แค่พรสวรรค์คงไม่พอ

“ผมบอกเขาเสมอว่านักฟุตบอลอาชีพมักจะใช้ได้ทั้งสองเท้า มันอาจจะไม่ได้สมบูรณ์ตอนใช้เท้าข้างไม่ถนัด แต่ต้องมีมันในฐานะตัวเลือก เขาฝึกยิงด้วยเท้าซ้ายอย่างเดียวประมาณ 150 ครั้ง ฟังดูอาจจะเกินจริง แต่ผมไม่ได้โม้นะ” มาร์ติเนลลี ผู้พ่อกล่าวกับ The Athletic
“แค่ความสามารถที่พระเจ้าให้มามันไม่พอ คุณต้องฝึก และทำงานหนัก กาเบรียล เข้าใจในสิ่งนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย เขามีวินัยและรับฟัง เขาอาจจะกวนบาง แต่ก็ไม่เคยค่ำครวญ ไม่มีซักคำที่หงุดหงิด”
การฝึกฝนซ้ำๆ ตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้ มาร์ติเนลลี มีฝีเท้าที่โดดเด่นจนเกินวัย จนในที่สุดเขาก็ได้รับเลือกให้เข้าไปอยู่ในทีมเยาวชนของ โครินเธียน สโมสรยักษ์ใหญ่ของบราซิล
เพียงแต่ว่ามันไม่ใช่ทีมฟุตบอล แต่เป็นทีมฟุตซอล
อดีตนักฟุตซอล
หลังจากจบการศึกษาจากสนามปูน มาร์ติเนลลี เขาก็ไปเล่นให้หลายทีมเป็นการชั่วคราว จนกนระทั่งตอน 11 ขวบ เขาก็มีต้นสังกัดอย่างเป็นทางการ
โครินเธียน คือทีมที่หยิบยื่นโอกาสนั้น และแม้จะเป็นทีมฟุตบอล แต่มันก็ช่วยขับจุดแข็งของ มาร์ติเนลลี อย่างการเลี้ยงบอล ให้โดดเด่นมากขึ้น และเคยถึงขั้นเลี้ยงบอลผ่านตู่แข่งทั้งทีม
“ไอเดียคือโกลจะส่งบอลให้ กาเบรียล จากนั้นเขาจะเลี้ยงผ่านผู้เล่นคนแรก และสร้างโอกาสด้วยการดึงคนมารุมเขา” เอดูอาร์โด เวลา โค้ชของทีมในตอนนั้น ย้อนความหลัง
“เขาตัวเล็กกว่าเด็กคนอื่น แต่มีความเป็นหัวหน้าแก๊ง เขาคุมทุกอย่างในทีม ทุกคนต่างรักเขา”
Photos of Martinelli playing futsal for Corinthians, and the trophy collection at his parents' home in Ituhttps://t.co/U70kL2nM1m pic.twitter.com/zlmT3vDE7y
— Jack Lang (@jacklang) October 10, 2023
อย่างไรก็ดี ตอนอายุ 14 เส้นทางนักฟุตซอล ของเขาก็จบลง เมื่อ อิตูอาโน สโมสรในลีกรองของบราซิล มองเห็นว่าฝีเท้าของ มาร์ติเนลลี ดีเกินกว่าจะเล่นฟุตซอล จึงขอดึงตัวไปร่วมทีม
อันที่จริง หากมองในตอนนั้น ทุกคนล้วนมองว่านี่คือการตัดสินใจที่ผิดพลาดของครอบครัวมาร์ติเนลลี เพราะ โครินเธียน มีทุกอย่างที่ดีกว่า อิตูอาโน ทุกประการ ทั้งระบบเยาวชนที่เข้มข้น เครื่องอำนวยความสะดวกที่ครบครัน รวมไปถึงการเป็นทีมดังระดับประเทศ
“ผมไม่กังวลเลยที่เขาจะต้องออกจากทีมใหญ่ ผู้คนบอกผมว่ามันจะทำให้เขาถูกลืม จะทำให้เขาไม่ถูกเรียกติดทีมชาติบราซิลชุดเยาวชน แต่นั่นไม่ได้สำคัญ ผมบอกเขาว่า ‘เมื่อแกแสดงให้เห็นว่าแกทำอะไรได้ในทีมชุดใหญ่ ก็ไม่มีใครสนใจแล้วว่าแกไม่ใช่นักเตะโครินเธียนส์’” พ่อของ มาร์ติเนลลี กล่าว
“ผมเชื่อในตัวเขา พรสรรค์ย่องหาทางไปต่อได้เสมอ ผมคิดว่าการได้อาศัยอยู่ที่ อิตู (ฐานที่มั่นของอิตูอาโน) และเล่นให้ทีมเล็กๆ เช่นนี้ จะมีประโยชน์ต่อตัวเขา”
ทว่า นั่นกลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อหลังจากนั้นไม่นาน มาร์ติเนลลี ก็ได้ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุเพียง 16 ปี และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จนทำให้ อาร์เซนอล ควักเงินถึง 6 ล้านปอนด์ คว้าตัวไปร่วมทีมในปี 2019 ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมในเวลาต่อมา

แต่ถึงอย่างนั้น มาร์ติเนลลี ก็ไม่เคยลืมช่วงเวลาที่ โครินเธียนส์ ช่วงเวลาที่เขาเป็นนักฟุตซอล เพราะมันคือรากฐานที่ทำให้เขาเป็นนักเตะอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้
“ฟุตซอลสำคัญมากในการเติบโตด้านฟุตบอลของผม คุณต้องเล่นในสนามที่เล็ก และต้องติดให้เร็วขึ้น แถมการคุมบอลก็ต่างออกไป คุณไม่มีพื้นที่มากมาย ดังนั้นมันจึงช่วยคุณได้มาก” มาร์ติเนลลี กล่าวกับ arsenal.com
“มันเร็วจริงๆ เมื่อคุณอยู่ในเกม คุณจะไม่คิดอะไรมาก ใช้แค่สัญชาติญาณ ผมไม่สามารถบอกในสิ่งที่ผมทำได้ เพราะมันออกมาจากความคิดในเกม เมื่อผมเห็นคู่แข่ง มันไม่ใช่แค่ จาก A ไป B ไป C มันต่างออกไป ขึ้นอยู่กับผู้เล่นคนอื่น และมันไม่เคยเหมือนเดิมเลย”
แถมล่าสุด ดาวเตะชาวบราซิล เพิ่งจะโชว์ความเหนือชั้น ด้วยการกระดกบอลข้ามตัว จานลุยจิ ดอนนารุมมา ช่วยให้ อาร์เซนอล เปิดบ้านเสมอกับ แมนฯ ซิตี้ ไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากประตูดังกล่าว หลายคนมองว่านี่คือหนึ่งในทักษะฟุตซอล ที่มาร์ติเนลลี เอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะการคิดเร็วทำเร็ว จนทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในประตูสุดสวยของพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้
แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำให้เขายังคงเป็นนักเตะตัวอันตราย และประมาทไม่ได้ แม้อาจจะไม่ได้ยึดตำแหน่งตัวจริงของอาร์เซนอล ในฤดูกาลนี้ก็ตาม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ก๊อปหรือเก่ง? : เป๊ป vs อาร์เตต้า และเกมหมากรุกที่เปลี่ยนโฉมพรีเมียร์ลีก
- ไขข้อสงสัย: หรือพรีเมียร์ลีกกำลังเข้าสู่ยุคทองของเกมรับ?
- ไม่ใช่แค่กลางรับ! กราเฟนแบร์ก เผยเหตุเล่นเกมรุกมากขึ้นในฤดูกาลนี้