“มันเป็นความเจ็บปวดของวงการฟุตบอลดัตช์” เอฟเกนีฟ เลฟเชนโก ประธานสมาคมนักฟุตบอลอาชีพดัตช์กล่าว
เรียกว่าช็อควงการฟุตบอลเนเธอร์แลนด์ เมื่อ รอนนี สตัม อดีตแข้งพรีเมียร์ลีก ที่เคยคว้าแชมป์ เอฟเอคัพ กับ วีแกน แอธเลติก ถูกตัดสินจำคุก 7 ปีจากคดีค้ายาเสพติด
อย่างไรก็ดี สตัม ไม่ใช่แข้งดัตช์คนแรก ที่ก้าวสู่โลกใต้ดินหลังชีวิตนักฟุตบอล เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีผู้เล่นจำนวนไม่น้อย แถมบางคนมีดีกรีเป็นถึงนักเตะระดับทีมชาติ เลือกจะเป็นอาชญากร หลังแขวนสตั๊ด
เพราะอะไร พวกเขาจึงเลือกเบนเข็มสู่เส้นทางนี้? ติดตามไปพร้อมกัน
ค้าแข้งสู่ค้ายา
เนเธอร์แลนด์ ถือเป็นหนึ่งในชาติที่ผลิตนักเตะฝีเท้าดีสู่ลีกต่างๆ ทั่วโลกได้มากมาย หนึ่งในนั้นคือพรีเมียร์ลีก ที่มีแข้งดัตช์เข้าไปสร้างชื่ออย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น รุด ฟาน นิสเตลรอย, โรบิน ฟาน เพอร์ซี หรือยุคหลังอย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์
เช่นกันสำหรับ รอนนี สตัม ที่หลังจาก คว้าแชมป์ลีกดัตช์กับ ทเวนเต้ ในปี 2010 เขาก็ได้ย้ายมาโชว์ฝีเท้าในพรีเมียร์ลีกกับ วีแกน แอธเลติก และเป็นหนึ่งในสมาชิกชุดคว้าแชมป์เอฟเอคัพประวัติศาสตร์ในฤดูกาล 2012/13
ทว่า หลังย้ายออกจากพรีเมียร์ลีก เขาก็หายหน้าหายตาไปจากสื่อ และเพิ่งจะปรากฎอยู่บนหน้าสื่อ หลังถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลา 7 ปี จากข้อหาค้ายาเสพติด และฟอกเงิน
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2024 สตัม และสมาชิกชาวแก๊งถูกจับ หลังลักลอบขนโคเคนน้ำหนักกว่า 2 ตัน ที่มีมูลค่ารวมถึง 56.4 ล้านยูโร หรือราว 2,000 ล้านบาท เข้าสู่เนเธอร์แลนด์
จากรายงานของตำรวจระบุว่า สตัม และผู้ร่วมขบวนการ ขนยาเสพติดล็อตนี้ มาจากอเมริกาใต้ และเป็นผู้รับผิดชอบการฟอกเงินกว่า 2.2 ล้านปอนด์ (ราว 96 ล้านบาท) แถมยังมีไนตรัสอ็อกไซด์ ที่ใช้ทำแก๊สหัวเราะ มากถึง 18 ลิตร
สตัม ยอมรับว่า เขาเป็นผู้ขนโคเคน 20 กิโล จากบราซิล มายังเมืองแฟรงเฟิร์ต ของเยอรมัน โดยได้รับค้าจ้างเป็นสินค้าน้ำหนักราว 1 กิโลกรัม ที่ต้องนำไปขายต่อเอง
อย่างไรก็ดี สตัม ไม่ใช่แข้งดัตช์คนแรก ที่ถูกจับในลักษณะนี้ เพราะเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ควินซี โพรเมส อดีตนักเตะทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ที่ติดทีมชาติมากกว่า 50 นัด ก็ถูกตัดสินจำคุก 6 ปี จากการลักลอบขนโคเคน 1,363 กิโลกรัม
หรือในปี 2022 ดาวิด เมนเดส ดา ซิลวา อดีตแข้งทีมชาติเนเธอร์แลนด์อีกคน ก็ถูกจับหลังมีส่วนช่วยในการขนโคเคน เข้าบ้านเกิดถึง 2 ครั้ง น้ำหนักรวม 184 กิโลกรัม ที่ทำให้เขาต้องไปนอนเรือนจำ
“มันเป็นความเจ็บปวดของวงการฟุตบอลดัตช์” เอฟเกนีฟ เลฟเชนโก ประธานสมาคมนักฟุตบอลอาชีพดัตช์กล่าว
“มันไม่ดีต่อวงการฟุตบอลดัตช์ และไม่ดีต่อภาพลักษณ์ของดัตช์ และมันก็ยิ่งเจ็บปวดมาก เมื่อเห็นนักฟุตบอลชื่อดัง และเต็มพรสวรรรค์ ที่ไม่ได้เข้าใจว่าตัวเองกำลังทำลายภาพลักษณ์ของฟุตบอลของเรา”
อะไรคือสิ่งที่ทำให้ พวกเขาเลือกที่จะเข้ามาอยู่ในวังวนนี้?
โตมาด้วยกัน
จากรายงานของเจ้าหน้าที่ทางการเนเธอร์แลนด์ระบุว่าในช่วง 10-15 ปีที่ผ่านมา มีนักฟุตบอล ทั้งในอดีต และยังเล่นอยู่ เข้ามาข้องเกี่ยวในอาชญากรรมเป็นจำนวนมาก ไล่ตั้งแต่ค้ายาเสพติด ฟอกเงิน ล้มบอล ไปจนถึงค้าอาวุธ, ยิง และฆาตกรรม
“ความยากของเราคือผู้เล่นบางคนใกล้ชิดกับอาชญากรรมมาก” เลฟเชนโก ที่เป็นประธานสมาคมฯ มาตั้งแต่ปี 2019 กล่าวกับ The Athletic
“พวกเขาคิดว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกัน และมันก็คือความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดที่พวกเขาทำ”
“มันเริ่มต้นด้วยเรื่องง่ายๆ ‘ขอยืมรถหน่อยได้ไหม? ช่วยดูและนาฬิกาอันนี้ให้หน่อยได้ไหม? ช่วยเซ็นชื่อบนเสื้อให้หน่อยได้ไหม? สนใจมาปาร์ตี้วันเกิดผมมั้ย เดี๋ยวจะแนะนำคุณให้รู้จักอาชญากรคนอื่น’”
“นั่นคือจุดเริ่มต้น และเมื่อคุณก้าวเข้าไป คุณจะไม่มีวันได้ออกมา”
ส่วนเหตุผลที่ทำให้ นักฟุตบอลเหล่านี้ เลือกที่จะใช้ชีวิตในวงการใต้ดิน อาจซับซ้อนมากกว่าเรื่องเงิน และเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่ยากจะแก้ไข
และผู้ที่จะอธิบายเรื่องนี้ได้ดีที่สุดก็คือ อาร์โน ฟาน ลีอูเวน อดีตนักสืบ ที่ตั้งข้อสังเกตุว่า ในหลายๆ คดี นักฟุตบอล และอาชญากร เติบโตมาจากพื้นที่เดียวกัน
มันเริ่มจากปี 2015 ที่อาชญากรในอัมเตอร์สดัมที่ชื่อว่า Boeloeloe เดินทางมาสถานีตำรวจ ด้วยรถเบน์ที่เช่ามา หลังถูกเตือนว่าจะถูกฆ่า และเมื่อตรวจสอบป้ายทะเบียนคันนั้น ก็พบว่าเป็นของนักเตะเยาวชน อาแจ็กซ์ อัมเตอร์สดัม
“ดังนั้นผมจึงคิดว่า ลองเช็ครถเช่าของ อาแจ็กซ์ คันอื่นๆ ในระบบดู สิ่งที่ผมรู้คือมันมักจะถูกอาชญากรยืมไปใช้งาน” ลีอูเวน อธิบาย
และเมื่อสืบลึกลงไปก็พบว่า มีรถคันหนึ่งถูกยิง หลังนักฟุตบอลให้เพื่อนยืมไป หรือรถอีกคนของแข้งอาแจ็กซ์ก็ถูก กเวนเน็ตเต มาธาร์ อาชญากรชื่อดังนำไปใช้ ก่อนที่เขาจะถูกยิงเสียชีวิตในปี 2014
ส่วนในเคสของ โพรเมส อดีตนักสืบบอกว่า เขาเห็นนักเตะรายนี้ อยู่กับอาชญากรชื่อดังมาก่อน ขณะที่ข้อมูลจากสำนักงานอัยการสูงสุดเนเธอร์แลนด์ เผยว่า อดีตแข้งอาแจ็กซ์ มีส่วนเชื่อมโยงกับ ปิเอต์ วอร์เตล คนดังในโลกใต้ดินของดัตช์
นี่ยังไม่รวมกรณีที่นักฟุตบอลหลายคนถูกพบเห็นว่าอยู่กับอาชญากรยามค่ำคืน หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับโลกใต้ดินเหล่านี้ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม อย่าง การให้ยืมรถ หรือปล่อยห้องพักให้เช่าก็ตาม
สำหรับคดีที่ดังที่สุดคือ มาร์โก เอบเบน เจ้าพ่อยาเสพติดที่ถูกยิงตายที่เม็กซิโกในปีนี้ ที่มีรายงานว่าก่อนหน้านี้เขาซ่อนตัวอยู่ในเซฟเฮาส์ที่ เทเรนซ์ คองโกโล อดีตแข้งฟูแลม เป็นเจ้าของ ส่วนปืนถูกพบที่บ้านเช่าของ เจโทร วิลเลียมส์ อดีตแข้งนิวคาสเซิล
และเมื่อผนวกกับวัฒนธรรมฟุตบอลสมัยใหม่ ที่ผู้เล่นหลายคนชอบใช้ชีวิตอย่างหรูหรา อวดรวยลงโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะรถยนต์ราคาแพง เครื่องประดับแวววาว หรือนางแบบสุดเซ็กซี่ข้างกาย ทำให้การก้าวเข้าสู่โลกใต้ดิน ง่ายขึ้นไปอีก
“นักฟุตบอลระดับสตาร์เหล่านี้ชอบที่จะอวดชีวิตที่ต่างออกไปของพวกเขา ทั้งรถหรู สาวสวย นาฬิกา สิ่งที่พวกเขาดูจะไม่เข้าใจคือแข้งดาวรุ่งกำลังดูพวกเขาอยู่ มันคือสิ่งที่ผิดสำหรับพวกดารา แต่พวกเขาก็อยากอวด” เลฟเชนโก กล่าว
นี่คือปัญหาใหญ่ ที่กำลังกัดกินวงการฟุตบอลเนเธอร์แลนด์ และที่จริงมันไม่ได้เกิดขึ้นที่นี่เท่านั้น แต่ยังพบเห็นในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก เพียงแต่ว่าไม่ได้เป็นข่าวใหญ่ หรือเกิดขึ้นกับนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียง เหมือนในแดนกังหันลม
ทางออกของสมาคมฟุตบอลเนเธอร์แลนด์คือดูแลแข้งเยาวชนอย่างใกล้ชิด และให้คำแนะนำที่เหมาะสม เพื่อให้พวกเขาไม่จำเป็นต้องมาข้องเกี่ยวกับอาชญากรรมเหล่านี้
“เราไปเยี่ยมสโมสร พูดคุยกับผู้เล่น พ่อแม่ของพวกเขา และสิ่งที่เราเจอคือผู้เล่นรุ่นใหม่ไม่ได้คิดถึงเรื่องอนาคตมากนัก พวกเขาคิดแค่ตอนนี้ ‘โอเค ถ้าเราทำสิ่งนี้ (อาชญากรรม) เรามีเงินมากมาย’” เลฟเชนโกกล่าว
“มันไม่ฉลาดเลย เราบอกพวกเขาว่า ‘พวกนาย ถ้าทำพลาดครั้งเดียว อาจทำให้ชีวิตนักฟุตบอลต้องจบสิ้นได้เลยนะ อย่าทำอะไรโง่ๆ อย่าคิดว่ามันเป็นเงินที่ได้มาง่ายๆ โอกาสที่จะโดนจับมันสูงมาก’”