“ปีกคนนี้สุดยอดมาก เขาไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าเขามีสิ่งนี้อยู่ในตัว” บรูโน แฟร์นันด์ส กล่าว
เรียกเสียงฮือฮาไปทั่ววงการลูกหนังเลยสำหรับ แฮร์รี แม็คไกวร์ เมื่อแนวรับแมนฯ ยูไนเต็ด โชว์ลีลาลากเลื้อยหลอกคู่แข่งอย่างเหนือชั้น จนนำไปสู่ประตูขึ้นนำของทีม
อย่างไรก็ดี ทักษะนี้ของ แม็คไกวร์ ไม่ใช่ความบังเอิญ แต่มาจากจุดเริ่มต้นในสมัยเยาวชน ติดตามเรื่องราวไปพร้อมกัน
เกือบไม่ได้เป็นกองหลังค่าตัวระดับโลก
กองหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลก คือคำจำกัดความของ แฮร์รี แม็คไกวร์ ตอนที่เขาย้ายจาก เลสเตอร์ มาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2019
อย่างไรก็ดี เขาเกือบจะมาไม่ถึงจุดนี้ เพราะ แม็คไกวร์ ไม่ได้เป็นกองหลังโดยกำเนิด แต่เป็นตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง ที่เขาเล่นมาเกือบ 10 ปี
ย้อนกลับไปตอนยังอยู่ในทีมเยาวชน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เขาคือกองกลางตัวตัดเกมฝีเท้าดี อีกทั้งยังมีรูปร่างที่สูงใหญ่ จนสร้างปัญหาให้แก่คู่แข่งนับไม่ถ้วน
แต่ปัญหาก็คือ จอห์น เพมเบอร์ตัน ผู้จัดการอคาเดมีของ เชฟฯ ยูไนเต็ด มองว่า แม็คไกวร์ อาจจะไปไม่รุ่งในตำแหน่งนี้ หากเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ จึงแนะนำให้ถอยมาเล่นกองหลังแทน

“แฮร์รี เล่นกองกลางตัวกลางตอนที่ผมเจอเขาครั้งแรก ปัญหาสำหรับผมก็คือผมแค่ไม่เห็นอนาคตของเขาที่ตรงนั้น เขาคือเซ็นเตอร์ฮาล์ฟสำหรับผม” เพมเบอร์ตัน กล่าวกับ The Atletic
“ผมจำได้ตอนที่เรานั่งคุยกันที่ออฟฟิศ เราเคยคุยกันมาบ้าง หลักๆ คือเขาชอบถามเกี่ยวกับเกมการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นผมลงท้ายด้วยการถามเขาว่า ‘นายเห็นตัวเองในอีก 3 ปีข้างหน้าแบบไหน?’ เขาบอกว่าทีมชุดใหญ่ ผมก็เลยจี้ต่อเรื่องตำแหน่ง เขาคิดว่ากองกลางตัวกลาง แต่ผมตอบไปว่า ‘ไม่ใช่’”
“สตีเวน เจอร์ราร์ด และ แฟรงค์ แลมพาร์ด คือกองกลางระดับสูงในพรีเมียร์ลีกในขณะนั้น ผมบอกแฮร์รีว่า เขาไม่มีวันที่จะเก่งได้แบบนั้นในตำแหน่งนั้น เหมือนกับพวกเขา”
“ผมบอกว่ามีกองกลางดาวรุ่งมากมายออกไป และทำได้เหมือนเขา แต่ผมก็บอกว่า ‘ถ้านายลงไปเล่นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ นายจะเป็นคนที่เก่งที่สุดในตำแหน่งนี้’ เขาเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด แล้วเปลี่ยนลงไปเล่นหลัง พยายามทำงานหนัก จนกลายมาเป็นผู้เล่นอย่างที่เขาเป็นในทุกวันนี้”
และมันก็เป็นอย่างที่ เพมเบอร์ตัน คิด เมื่อ แม็คไกวร์ ขึ้นมาเป็นแนวรับคนสำคัญของ เชฟฯ ยูไนเต็ด หลังจากได้เซ็นสัญญากับทีมชุดใหญ่ในปี 2011
ก่อนที่หลังจากนั้นเขาจะไปเฉิดฉายกับ ฮัลล์ ซิตี้ และเปล่งประกายสูงสุดในสีเสื้อของ เลสเตอร์ จนทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ทุ่มเงิน 80 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นสถิติโลก คว้าตัวมาร่วมทัพ ในปี 2019
ไม่หยุดโชว์พริ้ว
แม้ว่าหลังขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ ตำแหน่งหลักของ แม็คไกวร์ คือกองหลังธรรมชาติ แต่เขาก็เคยได้เล่นตำแหน่งกองกลางตัวรับอยู่บ้าง ตอนเล่นให้ เชฟฯ ยูไนเต็ด
“ผมเคยร่วมงานกับเขาที่ ฮัลล์ แฮร์รี ย้ายจาก เชฟฯ ยูไนเต็ด มาอยู่กับสโมสร และเขาก็เคยเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับมาบ้างก่อนหน้านั้น” ไมค์ ฟีแลน อดีตกุนซือของ ฮัลล์ กล่าว
ลุ้นโบนัส 150% สมาชิกใหม่รับ 11,240 บาท เมื่อเริ่มทายผล คลิกที่นี่
ขณะเดียวกัน ถึงจะเล่นในตำแหน่งกองหลัง แม็คไกวร์ ก็ทำได้ดีกว่าที่กองหลังธรรมดาเป็น ทั้งเลี้ยงฝ่ากองหน้าคู่แข่งเพื่อพาบอลขึ้นมา ไปจนถึงจ่ายบอลตัดหลังแนวรับคู่ต่อสู้
“ผมเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางตั้งแต่อายุ 7 ขวบ และเล่นมาตลอดจนถึงอายุ 16 ผมคิดว่าตัวเองเล่นบอลได้คล่องอยู่นะ” แม็คไกวร์ กล่าวกับ englandfootball.com
“นั่นอาจจะช่วยให้ผมเล่นในตำแหน่งนั้นได้ดีจนถึงตอนนี้ ในแง่ของการเติมเกมขึ้นมา และสามารถจ่ายบอลผ่านแนวรับคู่แข่งได้”

แถมล่าสุด แม็คไกวร์ เพิ่งจะโชวสเต็ป ล็อคหลบกองหลัง แอธเลติก บิลเบา จนหลังแทบหัก ก่อนจะครอสบอลจนนำไปสู่ประตูขึ้นนำของ แมนฯ ยูไนเต็ด และเอาชนะได้ 0-3 ในศึกยูโรปาลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก จนได้รับฉายาจากแฟนบอลว่า “แฮร์รีดินโญ”
ทายผลฟุตบอลพร้อมลุ้นรางวัล คลิกที่นี่
“ผมคิดว่า การ์นา (อเลฮานโดร การ์นาโช) จะส่งบอลให้ มันจึงเป็นจังหวะที่ดีในการเลี้ยงบอลและครอสบอลเข้าไป เรามีผู้เล่นมากมายในกรอบเขตโทษ และพวกเขาคงไว้ใจผมที่จะให้ครอสบอล” แม็คไกวร์กล่าวถึงจังหวะมหัศจรรย์
ด้วยเหตุนี้ลีลาการลากเลื้อยของเขาที่ได้เห็นจึงไม่ใช่ความฟลุ๊ค หรือการพยายามโชว์ออฟของ แม็คไกวร์ แต่มันคือศักยภาพ ที่เขาเก็บซ่อนเอาไว้ ขึ้นอยู่กับว่ามันจะถูกงัดออกมาใช้ในเวลาที่เหมาะสมมากแค่ไหน